วันพุธที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2556

การปฏิวัติฝรั่งเศส IV

การสิ้นสุดของสภาร่างรัฐธรรมนูญ 

แม้ว่าสมาชิกส่วนใหญ่ของสภาฯ จะนิยมระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ มากกว่าระบอบสาธารณรัฐก็ตาม แต่ ณ ขณะนั้น พระเจ้าหลุยส์ก็ไม่ได้มีบทบาทมากไปกว่าหุ่นเชิด พระองค์ถูกบังคับให้ปฏิญาณตนต่อรัฐธรรมนูญ และให้ยอมรับเงื่อนไขที่ว่า หากกระทำการใด ๆ ที่จะชักนำให้กองทัพต่างชาติมาโจมตีฝรั่งเศส หรือกระทำสิ่งที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ให้ถือว่าพระองค์สละราชสมบัติโดยอัตโนมัติ
ขณะเดียวกันนั้น ฌอง ปิแอร์ บริสโซต์ ได้ร่างประกาศโจมตีพระเจ้าหลุยส์ มีสาระสำคัญว่า พระเจ้าหลุยส์ทรงสละราชสมบัติไปตั้งแต่พระองค์เสด็จออกจากพระราชวังทุยเลอรีส์แล้ว  ฝูงชนจำนวนมากพยายามเข้ามาใน ชอง เดอ มาร์ส เพื่อลงนามในใบประกาศนั้น ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้น สภาร่างรัฐธรรมนูญได้ขอร้องให้เทศบาลกรุงปารีสช่วยรักษาความสงบ แต่ไม่สำเร็จ ในที่สุด กองทหารองครักษ์ ภายใต้การบัญชาการของลาฟาแยตต์ ก็ได้เข้ามารักษาความสงบ ฝูงชนได้ปาก้อนหินใส่องครักษ์ ในช่วงแรก องครักษ์โต้ตอบด้วยการยิงขึ้นฟ้า แต่ไม่สำเร็จ จึงจำต้องยิงปืนใส่ฝูงชน ทำให้ประชาชนตายไปประมาณ 50 คน 
หลังจากการสังหารหมู่ครั้งนี้ ทางการก็ได้ดำเนินการปราบปรามพวกสมาคมนิยมสาธารณรัฐต่า งๆ รวมทั้งหนังสือพิมพ์ของพวกนี้อีกด้วย หนังสือพิมพ์เพื่อนประชาชน (l'ami du peuple) ของมาราต์ บุคคลที่มีแนวคิดแบบนี้เช่น มาราต์และเดสมูแลงต่างพากันหลบซ่อน ส่วนดังตงหนีไปอังกฤษ
ขณะที่ภายในฝรั่งเศสกำลังวุ่นวาย เหล่าราชวงศ์ของยุโรป โดยมีแกนนำคือพระมหากษัตริย์ปรัสเซีย จักรพรรดิออสเตรีย และพระอนุชาของพระเจ้าหลุยส์ ก็ได้ร่วมมือกัน โดยมีเป้าหมายสำคัญคือให้พระเจ้าหลุยส์มีอิสรภาพสมบูรณ์และให้ยุบสมัชชาแห่งชาติ หากสิ่งเหล่านี้ไม่เกิดขึ้น ก็จะโจมตีฝรั่งเศสเพื่อให้สำเร็จตามเป้าหมาย แต่ประชาชนชาวฝรั่งเศสไม่สนใจต่อคำประกาศดังกล่าว และเตรียมการต่อต้านอย่างแข็งขัน โดยส่งกำลังทหารไปยังชายแดน

การปฏิวัติฝรั่งเศส III

ผลของการปฏิวัติในช่วงแรก 

การยุติเอกสิทธิ 

สมัชชาแห่งชาติประกาศว่าประชาชนทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน และเลิกเอกสิทธิการงดเว้นภาษีของนักบวช รวมทั้งให้ทุกคนมีโอกาสเท่าเทียมในการประกอบอาชีพ ภายหลังจากการลงมติของสภาฯ ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ คือวันที่ 3-4 สิงหาคม 1789 ซึ่งได้รับมติสนับสนุนอย่างท่วมท้นจากสมาชิกสภา

คำประกาศว่าด้วยสิทธิมนุษยชนและสิทธิพลเมือง 

เป็นคำประกาศที่ปูทางไปสู่การร่างรัฐธรรมนูญ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากปรัชญาในยุคเรืองปัญญา และคำประกาศนี้ได้แบบอย่างจากรัฐธรรมนูญแห่งสหรัฐอเมริกา คำประกาศนี้ผ่านการพิจารณาของสภาฯ เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม ค.ศ. 1789 มีเนื้อหาหลักแสดงถึงหลักการพื้นฐานของการปฏิวัติ ภายใต้คำขวัญที่ว่า "เสรีภาพ เสมอภาค ภราดรภาพ"
ในขณะนั้นมีข่าวลือในหมู่ประชาชนว่าจะมีการยึดอำนาจคืนของฝ่ายนิยมระบอบเก่าเมื่อชาวปารีสรู้ข่าวก็มีการตื่นตัวกันขนานใหญ่ ดังนั้นประชาชนชาวปารีสซึ่งส่วนมากเป็นผู้หญิง ได้เดินขบวนไปยังพระราชวังแวร์ซายและเชิญพระเจ้าหลุยส์พร้อมทั้งราชวงศ์มาประทับในกรุงปารีส ในวันที่ 5-6 ตุลาคม ปีเดียวกัน โดยมีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญที่อนุรักษ์นิยมตามเสด็จกลับกรุงปารีสด้วย
สำหรับสมัชชาแห่งชาติ ในขณะนั้นประกอบด้วยสมาชิกที่หัวก้าวหน้าเป็นส่วนมาก แต่มีภารกิจสำคัญอันดับแรกของสภาคือการดำรงสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้ ดังนั้นจึงยังไม่มีการโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ในขณะนั้น

การปฏิรูปครั้งใหญ่ 

รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของฝรั่งเศสมีผลบังคับใช้เมื่อปลายปี ค.ศ. 1789 ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงดังต่อไปนี้
  • ตำแหน่งต่าง ๆ ในราชการไม่สามารถตกทอดไปยังลูกหลาน
  • ยุบมณฑลต่าง ๆ, แบ่งประเทศออกเป็น 83 เขต (départements)
  • ก่อตั้งศาลประชาชน
  • ปฏิรูปกฎหมายฝรั่งเศส
  • การเวนคืนที่ธรณีสงฆ์ แล้วนำมาค้ำประกันพันธบัตร ที่ออกเพื่อระดมทุนจากประชาชน มาแก้ไขปัญหาหนี้ของประเทศ

การปฏิรูปสถานะของนักบวช 

นอกจากที่ธรณีสงฆ์จะถูกเวนคืนแล้ว การปกครองคริสตจักรในประเทศฝรั่งเศสก็ยังถูกเปลี่ยนแปลง ตามกฎหมายการปกครองคริสตจักรฉบับใหม่ที่ออกเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม ค.ศ. 1790 โดยใช้การปกครองประเทศเป็นแม่แบบ คือกำหนดจำนวนมุขนายก (évêque) ไว้มุขมณฑลละ 1 ท่าน และให้เมืองใหญ่แต่ละเมืองมีอัครมุขนายก(archévêque) 1 ท่าน โดยมุขนายกและอัครมุขนายกแต่ละท่านจะถูกเลือกโดยสมัชชาแห่งชาติ และได้รับเงินเดือนจากรัฐบาล นอกจากนี้ ผู้ที่จะมาเป็นนักบวชในทุกระดับจะต้องสาบานตนว่าจะจงรักภักดีต่อประเทศอีกด้วย

การจับกุม ณ วาแรน 

มีข่าวลือสะพัดอย่างหนาหูว่า พระนางมารี อ็องตัวแน็ตนั้น ได้แอบติดต่อกับพระเชษฐา คือจักรพรรดิลีโอโพลด์ที่ 2 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ เพื่อจะให้ทรงยกทัพมาตีฝรั่งเศสและคืนอำนาจให้ราชวงศ์ ฝ่ายพระเจ้าหลุยส์นั้นไม่ได้ทรงพยายามหนีออกนอกประเทศหรือรับความช่วยเหลือ แต่จะทรงหนีไปตั้งมั่นอยู่กับนายพลบุยเล่ ที่จงรักภักดีและสัญญาว่าจะให้ความช่วยเหลือแก่พระองค์ พระองค์เสด็จออกจากพระราชวังตุยเยอรีในคืนวันที่ 20 มิถุนายน ค.ศ. 1791 แต่ทรงถูกจับได้ที่เมืองวาแรน ในวันต่อมา ส่งผลให้ความเชื่อถือของประชาชนที่มีต่อพระองค์นั้นลดลงอย่างมาก พระองค์ถูกนำตัวกลับมากักบริเวณในกรุงปารีส

 

ผลของการปฏิวัติในช่วงแรก 

การยุติเอกสิทธิ 

สมัชชาแห่งชาติประกาศว่าประชาชนทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน และเลิกเอกสิทธิการงดเว้นภาษีของนักบวช รวมทั้งให้ทุกคนมีโอกาสเท่าเทียมในการประกอบอาชีพ ภายหลังจากการลงมติของสภาฯ ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ คือวันที่ 3-4 สิงหาคม 1789 ซึ่งได้รับมติสนับสนุนอย่างท่วมท้นจากสมาชิกสภา

คำประกาศว่าด้วยสิทธิมนุษยชนและสิทธิพลเมือง 

เป็นคำประกาศที่ปูทางไปสู่การร่างรัฐธรรมนูญ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากปรัชญาในยุคเรืองปัญญา และคำประกาศนี้ได้แบบอย่างจากรัฐธรรมนูญแห่งสหรัฐอเมริกา คำประกาศนี้ผ่านการพิจารณาของสภาฯ เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม ค.ศ. 1789 มีเนื้อหาหลักแสดงถึงหลักการพื้นฐานของการปฏิวัติ ภายใต้คำขวัญที่ว่า "เสรีภาพ เสมอภาค ภราดรภาพ"
ในขณะนั้นมีข่าวลือในหมู่ประชาชนว่าจะมีการยึดอำนาจคืนของฝ่ายนิยมระบอบเก่าเมื่อชาวปารีสรู้ข่าวก็มีการตื่นตัวกันขนานใหญ่ ดังนั้นประชาชนชาวปารีสซึ่งส่วนมากเป็นผู้หญิง ได้เดินขบวนไปยังพระราชวังแวร์ซายและเชิญพระเจ้าหลุยส์พร้อมทั้งราชวงศ์มาประทับในกรุงปารีส ในวันที่ 5-6 ตุลาคม ปีเดียวกัน โดยมีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญที่อนุรักษ์นิยมตามเสด็จกลับกรุงปารีสด้วย
สำหรับสมัชชาแห่งชาติ ในขณะนั้นประกอบด้วยสมาชิกที่หัวก้าวหน้าเป็นส่วนมาก แต่มีภารกิจสำคัญอันดับแรกของสภาคือการดำรงสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้ ดังนั้นจึงยังไม่มีการโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ในขณะนั้น

การปฏิรูปครั้งใหญ่ 

รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของฝรั่งเศสมีผลบังคับใช้เมื่อปลายปี ค.ศ. 1789 ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงดังต่อไปนี้
  • ตำแหน่งต่าง ๆ ในราชการไม่สามารถตกทอดไปยังลูกหลาน
  • ยุบมณฑลต่าง ๆ, แบ่งประเทศออกเป็น 83 เขต (départements)
  • ก่อตั้งศาลประชาชน
  • ปฏิรูปกฎหมายฝรั่งเศส
  • การเวนคืนที่ธรณีสงฆ์ แล้วนำมาค้ำประกันพันธบัตร ที่ออกเพื่อระดมทุนจากประชาชน มาแก้ไขปัญหาหนี้ของประเทศ

การปฏิรูปสถานะของนักบวช 

นอกจากที่ธรณีสงฆ์จะถูกเวนคืนแล้ว การปกครองคริสตจักรในประเทศฝรั่งเศสก็ยังถูกเปลี่ยนแปลง ตามกฎหมายการปกครองคริสตจักรฉบับใหม่ที่ออกเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม ค.ศ. 1790 โดยใช้การปกครองประเทศเป็นแม่แบบ คือกำหนดจำนวนมุขนายก (évêque) ไว้มุขมณฑลละ 1 ท่าน และให้เมืองใหญ่แต่ละเมืองมีอัครมุขนายก(archévêque) 1 ท่าน โดยมุขนายกและอัครมุขนายกแต่ละท่านจะถูกเลือกโดยสมัชชาแห่งชาติ และได้รับเงินเดือนจากรัฐบาล นอกจากนี้ ผู้ที่จะมาเป็นนักบวชในทุกระดับจะต้องสาบานตนว่าจะจงรักภักดีต่อประเทศอีกด้วย

การจับกุม ณ วาแรน 

มีข่าวลือสะพัดอย่างหนาหูว่า พระนางมารี อ็องตัวแน็ตนั้น ได้แอบติดต่อกับพระเชษฐา คือจักรพรรดิลีโอโพลด์ที่ 2 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ เพื่อจะให้ทรงยกทัพมาตีฝรั่งเศสและคืนอำนาจให้ราชวงศ์ ฝ่ายพระเจ้าหลุยส์นั้นไม่ได้ทรงพยายามหนีออกนอกประเทศหรือรับความช่วยเหลือ แต่จะทรงหนีไปตั้งมั่นอยู่กับนายพลบุยเล่ ที่จงรักภักดีและสัญญาว่าจะให้ความช่วยเหลือแก่พระองค์ พระองค์เสด็จออกจากพระราชวังตุยเยอรีในคืนวันที่ 20 มิถุนายน ค.ศ. 1791 แต่ทรงถูกจับได้ที่เมืองวาแรน ในวันต่อมา ส่งผลให้ความเชื่อถือของประชาชนที่มีต่อพระองค์นั้นลดลงอย่างมาก พระองค์ถูกนำตัวกลับมากักบริเวณในกรุงปารีส

การสิ้นสุดของสภาร่างรัฐธรรมนูญ 

แม้ว่าสมาชิกส่วนใหญ่ของสภาฯ จะนิยมระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ มากกว่าระบอบสาธารณรัฐก็ตาม แต่ ณ ขณะนั้น พระเจ้าหลุยส์ก็ไม่ได้มีบทบาทมากไปกว่าหุ่นเชิด พระองค์ถูกบังคับให้ปฏิญาณตนต่อรัฐธรรมนูญ และให้ยอมรับเงื่อนไขที่ว่า หากกระทำการใด ๆ ที่จะชักนำให้กองทัพต่างชาติมาโจมตีฝรั่งเศส หรือกระทำสิ่งที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ให้ถือว่าพระองค์สละราชสมบัติโดยอัตโนมัติ
ขณะเดียวกันนั้น ฌอง ปิแอร์ บริสโซต์ ได้ร่างประกาศโจมตีพระเจ้าหลุยส์ มีสาระสำคัญว่า พระเจ้าหลุยส์ทรงสละราชสมบัติไปตั้งแต่พระองค์เสด็จออกจากพระราชวังทุยเลอรีส์แล้ว  ฝูงชนจำนวนมากพยายามเข้ามาใน ชอง เดอ มาร์ส เพื่อลงนามในใบประกาศนั้น ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้น สภาร่างรัฐธรรมนูญได้ขอร้องให้เทศบาลกรุงปารีสช่วยรักษาความสงบ แต่ไม่สำเร็จ ในที่สุด กองทหารองครักษ์ ภายใต้การบัญชาการของลาฟาแยตต์ ก็ได้เข้ามารักษาความสงบ ฝูงชนได้ปาก้อนหินใส่องครักษ์ ในช่วงแรก องครักษ์โต้ตอบด้วยการยิงขึ้นฟ้า แต่ไม่สำเร็จ จึงจำต้องยิงปืนใส่ฝูงชน ทำให้ประชาชนตายไปประมาณ 50 คน 
หลังจากการสังหารหมู่ครั้งนี้ ทางการก็ได้ดำเนินการปราบปรามพวกสมาคมนิยมสาธารณรัฐต่า งๆ รวมทั้งหนังสือพิมพ์ของพวกนี้อีกด้วย หนังสือพิมพ์เพื่อนประชาชน (l'ami du peuple) ของมาราต์ บุคคลที่มีแนวคิดแบบนี้เช่น มาราต์และเดสมูแลงต่างพากันหลบซ่อน ส่วนดังตงหนีไปอังกฤษ
ขณะที่ภายในฝรั่งเศสกำลังวุ่นวาย เหล่าราชวงศ์ของยุโรป โดยมีแกนนำคือพระมหากษัตริย์ปรัสเซีย จักรพรรดิออสเตรีย และพระอนุชาของพระเจ้าหลุยส์ ก็ได้ร่วมมือกัน โดยมีเป้าหมายสำคัญคือให้พระเจ้าหลุยส์มีอิสรภาพสมบูรณ์และให้ยุบสมัชชาแห่งชาติ หากสิ่งเหล่านี้ไม่เกิดขึ้น ก็จะโจมตีฝรั่งเศสเพื่อให้สำเร็จตามเป้าหมาย แต่ประชาชนชาวฝรั่งเศสไม่สนใจต่อคำประกาศดังกล่าว และเตรียมการต่อต้านอย่างแข็งขัน โดยส่งกำลังทหารไปยังชายแดน

การปฏิวัติฝรั่งเศส II

การปฏิวัติ 

การประชุมสภาฐานันดร 

ค.ศ. 1789 พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ทรงเรียกประชุมสภาฐานันดร ซึ่งมีการประชุมครั้งล่าสุดในปี ค.ศ. 1614 ก่อนหน้าการประชุม ได้มีการถวายฎีกาทั่วประเทศ มีการควบคุมและห้ามการเผยแพร่ใบปลิวที่มีเนื้อหาเสรีจนน่าจะเป็นอันตราย เนคเกร์ที่ถูกเรียกกลับมาดำรงตำแหน่งในปี พ.ศ. 2331 ได้เรียกร้องให้มีการเพิ่มจำนวนตัวแทนจากชนชั้นที่ 3 ให้มากขึ้นเป็น 2 เท่า เพราะจำนวนตัวแทนในขณะนั้นมีน้อยเกินไป และเขายังเรียกร้องให้ปลดตัวแทนบางส่วนจากฐานันดรที่ 1 และ 2 ด้วย
การประชุมมีขึ้นที่พระราชวังแวร์ซายในวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2332 การประชุมครั้งนี้ใช้ระบบลงคะแนนคือ 1 ฐานันดรต่อ 1 เสียง ซึ่งไม่ยุติธรรม เพราะฐานันดรที่สามซึ่งมีจำนวนถึง 90% ของประชากรกลับได้คะแนนเสียงเพียง 1 ใน 3 ของสภา และวิธีการลงคะแนนนี้จะทำให้ฐานันดรที่สามไม่มีทางมีเสียงเหนือกว่า 2 ฐานันดรแรก โดยเสนอให้ลงคะแนนแบบ 1 คน 1 เสียงแทน เมื่อข้อเสนอนี้ถูกปฏิเสธ ทำให้ตัวแทนฐานันดรที่ 3 ไม่พอใจเป็นอย่างมากจึงไม่เข้าร่วมการประชุม และไปตั้งสภาของตนเอง เรียกว่า สมัชชาแห่งชาติ ซึ่งเปิดประชุมเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน ปีเดียวกัน สภานี้ยังมีตัวแทนจากฐานันดรที่ 1 และที่ 2 บางส่วนเข้าร่วมประชุมด้วย ได้แก่ตัวแทนส่วนใหญ่ของชนชั้นนักบวช และตัวแทนที่เป็นขุนนางหัวสมัยใหม่นำโดยมิราโบ 
สมัชชาแห่งชาตินี้ ประกาศว่า สภาของตนเท่านั้นที่มีสิทธิ์ขึ้นภาษี เนื่องจากไม่ไว้วางใจการทำงานของรัฐบาลของพระเจ้าหลุยส์ ที่สนับสนุนแต่ขุนนางและพระ พระเจ้าหลุยส์พยายามหาทางประนีประนอมโดยเสนอว่าจะจัดประชุมสภาฐานันดรขึ้นอีก พวกขุนนางและพระตอบตกลง แต่สมาชิกสมัชชาแห่งชาติ ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมประชุม โดยไปจัดการประชุมของตัวเองขึ้นที่สนามเทนนิส ในวันที่ 20 มิถุนายน โดยมีมติว่าจะไม่ยุบสภานี้จนกว่าประเทศฝรั่งเศสจะได้รัฐธรรมนูญ เรียกว่า คำปฏิญาณสนามเทนนิส

เปิดฉากการปฏิวัติ 

หลังจากที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ถูกกดดันจากกองทัพ พระองค์ก็ทรงเรียกร้องให้ตัวแทนจาก 2 ฐานันดรแรกเข้าร่วมประชุมสภา Assemblée Nationale ด้วยเพื่อร่างรัฐธรรมนูญ ทำให้เกิดสภาใหม่ในวันที่ 9 กรกฎาคม คือ สภาร่างรัฐธรรมนุญ

การทลายคุกบาสตีย์ 

ทว่า หลังจากนั้นไม่นาน พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 แห่งฝรั่งเศสก็ได้รับการกดดันอีกครั้งจากพระนางมารี อ็องตัวแน็ต และพระอนุชาของพระองค์ คือ Comte d'Artois ซึ่งจะได้เป็นพระเจ้าชาร์ลที่ 10 แห่งฝรั่งเศสในอนาคต ทำให้พระองค์ทำการเรียกกองทหารที่จงรักภักดีต่อพระองค์จากต่างประเทศเข้ามาประจำการในกรุงปารีสและพระราชวังแวร์ซาย ทำให้เกิดความโกรธแค้นในหมู่ประชาชน นอกจากนี้พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ยังทรงปลดเนคเกร์ลงจากตำแหน่งอีกครั้ง ทำให้ประชาชนออกมาก่อจลาจลเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม และทลายคุกบาสตีย์ ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์พระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ได้ในวันที่ 14 กรกฎาคม
หลังจากนั้นพระเจ้าหลุยส์ก็เรียกเนคเกร์มาดำรงตำแหน่งอีกครั้งในวันที่ 16 กรกฎาคม เนคเกร์ได้พบกับประชาชนที่ศาลาว่าการกรุงปารีส (l'Hôtel de Ville) ซึ่งถูกประดับไปด้วยธงสามสีคือแดง ขาว น้ำเงิน วันเดียวกันนั้น Comte d'Artois ก็ได้ทรงหนีออกนอกประเทศ ถือเป็นพระบรมวงศานุวงศ์พระองค์แรก ๆ ที่หนีออกนอกประเทศในช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศส
หลังจากนั้นไม่นาน เทศบาลและกองกำลังติดอาวุธของประชาชน (Garde Nationale) ก็ได้ถูกตั้งขึ้นอย่างรีบเร่งโดยประชาชนชาวปารีส ในไม่ช้าทั่วประเทศก็มีกองกำลังติดอาวุธของประชาชนตามอย่างกรุงปารีส กองกำลังนี้อยู่ใต้การบัญชาการของนายพลเดอลาฟาแยตต์ ซึ่งผ่านสงครามปฏิวัติอเมริกามาแล้ว เมื่อพระเจ้าหลุยส์เห็นว่าทหารต่างชาติไม่สามารถรักษาความสงบไว้ได้ ก็ทรงปลดประจำการทหารเหล่านั้น 

 

การปฏิวัติฝรั่งเศส

การปฏิวัติฝรั่งเศส


การปฏิวัติฝรั่งเศส ระหว่าง ค.ศ. 1789-1799 เป็นยุคสมัยแห่งกลียุค (upheaval) ทางสังคมและการเมืองที่เปลี่ยนถึงรากฐานในฝรั่งเศสซึ่งมีผลกระทบใหญ่หลวงต่อฝรั่งเศสและยุโรปที่เหลือ ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ที่ปกครองฝรั่งเศสมาหลายศตวรรษล่มสลายลงใน 3 ปี สังคมฝรั่งเศสผ่านการปฏิรูปขนานใหญ่ โดยเอกสิทธิ์ในระบบเจ้าขุนมูลนายของอภิชนและทางศาสนาหมดสิ้นไปภายใต้การประทุษร้ายอย่างต่อเนื่องจากกลุ่มการเมืองฝ่ายสาธารณรัฐมูลวิวัติ ฝูงชนบนท้องถนนและชาวนาในชนบท  ความคิดเก่าเกี่ยวกับประเพณีและลำดับชั้นบังคับบัญชา ของอำนาจพระมหากษัตริย์ อภิชนและศาสนา ถูกโค่นล้มอย่างฉับพลันโดยความเสมอภาค ความเป็นพลเมืองและสิทธิที่ไม่โอนให้กันได้ อันเป็นหลักการใหม่แห่งยุคเรืองปัญญา
การปฏิวัติฝรั่งเศสเริ่มต้นใน ค.ศ. 1789 ด้วยการเรียกประชุมสภาฐานันดรในเดือนพฤษภาคม ในปีแรกของการปฏิวัติ เกิดเหตุการณ์สมาชิกฐานันดรที่สามประกาศคำปฏิญาณสนามเทนนิสในเดือนมิถุนายน การทลายคุกบาสตีย์ในเดือนกรกฎาคม คำประกาศว่าด้วยสิทธิมนุษยชนและสิทธิพลเมืองในเดือนสิงหาคม และการเดินขบวนสู่แวร์ซายซึ่งบังคับให้ราชสำนักกลับไปยังกรุงปารีสในเดือนตุลาคม เหตุการณ์อีกไม่กี่ปีถัดมาส่วนใหญ่เป็นความตึงเครียดระหว่างสมัชชาเสรีนิยมต่าง ๆ และพระมหากษัตริย์ฝ่ายขวาแสดงเจตนาขัดขวางการปฏิรูปใหญ่
มีการประกาศจัดตั้งสาธารณรัฐในเดือนกันยายน ค.ศ. 1792 และพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ทรงถูกประหารชีวิตในปีถัดมา ภัยคุกคามจากนอกประเทศยังมีบทบาทครอบงำในพัฒนาการของการปฏิวัติ สงครามปฏิวัติฝรั่งเศสเริ่มขึ้นใน ค.ศ. 1792 และสิ้นสุดลงด้วยชัยชนะของฝรั่งเศสที่อำนวยการพิชิตคาบสมุทรอิตาลี กลุ่มประเทศแผ่นดินต่ำและดินแดนส่วนใหญ่ทางตะวันตกของแม่น้ำไรน์ อันเป็นความสำเร็จซึ่งรัฐบาลฝรั่งเศสแต่ก่อนทำไม่ได้มาหลายศตวรรษ
ส่วนในประเทศ อารมณ์ของประชาชนได้เปลี่ยนการปฏิวัติถึงรากฐานอย่างสำคัญ จนลงเอยด้วยการขึ้นสู่อำนาจของมักซีมีเลียง รอแบ็สปีแยร์และกลุ่มฌากอแบ็ง (Jacobins) และเผด็จการโดยแท้โดยคณะกรรมการความปลอดภัยสาธารณะระหว่างสมัยแห่งความน่าสะพรึงกลัว ตั้งแต่ ค.ศ. 1793 ถึง 1794 ซึ่งมีผู้ถูกสังหารถึงระหว่าง 16,000 ถึง 40,000 คน   หลังกลุ่มฌากอแบ็งเสื่อมอำนาจและรอแบ็สปีแยร์ถูกประหารชีวิต คณะไดเรกทอรี (Directory) เข้าควบคุมรัฐฝรั่งเศสใน ค.ศ. 1795 และถืออำนาจถึง ค.ศ. 1799 เมื่อถูกแทนที่ด้วยคณะกงสุล (Consulate) ภายใต้นโปเลียน โบนาปาร์ต
การปฏิวัติฝรั่งเศสนำมาซึ่งยุคใหม่ของฝรั่งเศส การเติบโตของสาธารณรัฐและประชาธิปไตยเสรีนิยม การแผ่ขยายของฆราวาสนิยม การพัฒนาอุดมการณ์สมัยใหม่และการประดิษฐ์สงครามเบ็ดเสร็จ   ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นระหว่างการปฏิวัติ เหตุการณ์สืบเนื่องซึ่งสามารถสืบยอนไปได้ถึงการปฏิวัติมีสงครามนโปเลียน การฟื้นฟูสถาบันพระมหากษัตริย์สองครั้งแยกกัน และการปฏิวัติอีกสองครั้ง (ค.ศ. 1830 และ 1848) ขณะที่ฝรั่งเศสสมัยใหม่ก่อร่างขึ้น

สาเหตุ

ผู้สนับสนุนแบบจำลองที่อิงประวัติศาสตร์ที่สุดบ่งชี้คุณลักษณะเดียวกันของระบอบเก่า (Ancien Régime) จำนวนมาก ว่าเป็นหนึ่งในบรรดาสาเหตุของการปฏิวัติ ปัจจัยทางเศรษฐกิจรวมถึงความหิวและทุพโภชนาการในประชากรกลุ่มที่แร้นแค้นที่สุด อันเนื่องมาจากราคาขนมปังที่สูงขึ้น หลังจากการเก็บเกี่ยวธัญพืชที่ให้ผลไม่ดีหลายปี การเก็บเกี่ยวที่เลว ซึ่งบางส่วนเกิดจากสภาพอากาศผิดปกติจากเอลนีโญ ร่วมกับพฤติการณ์ภูเขาไฟที่ลากีและกริมสวอทน์ใน ค.ศ. 1783-1784 ประกอบกับราคาอาหารที่สูงขึ้น และระบบการขนส่งที่ไม่เพียงพอซึ่งขัดขวางการส่งสินค้าอาหารปริมาณมากจากพื้นที่ชนบทไปยังศูนย์กางประชากรขนาดใหญ่มีส่วนทำให้สังคมฝรั่งเศสขาดเสถียรภาพในช่วงก่อนการปฏิวัติอย่างยิ่ง
อีกสาเหตุหนึ่งคือ การล้มละลายอย่างสิ้นเชิงของรัฐจากค่าสงครามที่ผ่านมาจำนวนมหาศาล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความเครียดทางการเงินอันเกิดจากการเข้าไปมีส่วนร่วมในสงครามปฏิวัติอเมริกาของฝรั่งเศส ภาระของสังคมที่เกิดขึ้นจากสงครามรวมถึงหนี้สงครามมหาศาล ซึ่งการณ์ยิ่งเลวร้ายลงจากการสูญเสียการครอบครองอาณานิคมของฝรั่งเศสในทวีปอเมริกาเหนือและการครอบงำทางพาณิชย์ของบริเตนใหญ่ที่เพิ่มขึ้น ระบบการเงินที่ไม่มีประสิทธิภาพและล้าสมัยของฝรั่งเศสไม่สามารถจัดการกับหนี้สาธารณะได้ ซึ่งบางส่วนเกิดขึ้นจากภาระของระบบการเก็บภาษีอากรที่ไม่เพียงพอ เพื่อหาเงินใหม่เพื่อดักการผิดนัดชำระหนี้การกู้ยืมของรัฐบาล พระมหากษัตริย์จึงทรงยกเลิกสภาชนชั้นสูง (Assembly of Notables) ใน ค.ศ. 1787 test

 

แคว้นกอล


แคว้นกอล

ชาวเคลท์ (Celts) อาศัยอยู่ในฝรั่งเศสและดินแดนรอบข้างมานานตั้งแต่ก่อนประวัติศาสตร์ ซึ่งชาวโรมันเรียกพวกเคลท์ว่ากอล และเรียกดินแดนของพวกเขาว่าแคว้นกอล เมืองต่างๆในฝรั่งเศสปัจจุบันก็มีรากฐานมาจากชาวโกล เช่น เมืองลูเทเทีย (ปารีส) เบอร์ดิกาลา (บอร์โดซ์) โทโลซา (ตูลูส) ส่วนนักเดินเรือชาวกรีกก็ตั้งอาณานิคมที่มาซซาเลีย (มาร์เซย) และนิคาเอีย (นีซ) ใน 390 ปีก่อนค.ศ. เบรนนุสผู้นำเผ่าโกลนำทัพบุกทำลายกรุงโรม ทำให้ชาวโรมันมีความแค้นฟังใจกับชาวโกล
ใน 58 ปีก่อนค.ศ. จูเลียส ซีซาร์ ได้เป็นกงสุลแห่งโกล (ผู้ครองแคว้นกอล) จึงทำทัพเข้าพิชิตแคว้นกอลทั้งหมดได้เมื่อ 52 ปีก่อนvค.ศ. ในยุทธการที่อเลเซีย ซึ่งผู้นำเผ่ากอล เวอร์ซินเกโทริก (Vercingetorix) พ่ายแพ้และยอมจำนน แคว้นกอลและชาวกอลจึงตกอยู่ภายใต้การปกครองของโรมัน
ชางโรมันแบ่งแคว้นกอลออกเป็น 5 แคว้น คือ แกลเลียซิซัลพินาแกลเลียนาร์โบเนนซิสแกลเลียแอควิเทเนียแกลเลียลุกโดเนนซิส และ แกลเลียเบลจิกา ชาวโรมันกวาดต้อนชาวเคลท์กระจัดกระจายไปทั่วจักรวรรดิโรมันเพื่อป้องกันการรวมตัวต่อต้าน จนวัฒนธรรมโรมันเข้าแทนที่วัฒนธรรมเคลท์ในแคว้นกอล ผสมผสานรวมกันเป็นวัฒนธรรมกาลโล-โรมัน (Gallo-Roman Culture) ในปี ค.ศ. 260 ขณะที่จักรวรรดิโรมันกำลังวิกฤต แคว้นกอลได้แตกแยกออกมาเป็นจักรวรรดิกัลลิก (Gallic Empire) แต่ก็ถูกจักรพรรดิออเรเลียนผนวกอีกครั้งใน ค.ศ. 274
เมื่ออำนาจของจักรวรรดิโรมันเลื่อมลง ชนเผ่าเยอรมันก็สามารถรุกรานเข้าแคว้นโกลได้ เริ่มด้วยพวกแวนดัล (Vandals) ใน ค.ศ. 406 และพวกวิซิกอธ ได้รับแคว้นอากีแตนใน ค.ศ. 410 ใน ค.ศ. 451 อัตติลาเดอะฮั่นยายามจะบุกโกลแต่ชาวโรมันร่วมมือกับพวกวิสิโกธสามารถต้านทานไว้ได้

วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2556

สุภาษิต-คำพังเพยภาษาฝรั่งเศส I

Tous les chemins mènent à Rome.
ถนนทุกสายนำไปสู่กรุงโรม

Vers rongeurs.
หนอนเจาะอยู่เสมอ (ความสำนึกผิดจะติดอยู่ในใจเสมอ ทำให้เศร้าและเสียใจเหมือนตัวหนอนที่กินต้นไม้)

Vouloir prendre la lune avec les dents.
ต้องการที่จะเอาดวงจันทร์ด้วยฟัน (ต้องรู้จักอดทนเมื่อมีความจำเป็น)

Absent le chat les souris dansent.
แมวไม่อยู่หนูร่าเริง

A menteur, menteur et demi.
พูดกับคนโกหกต้องโกหกให้มากกว่า

Au besoin, on connaît l’ami.
เรารู้จักเพื่อนที่แท้จริงเมื่อเรามีความจำเป็น

Chien en vie vaut mieux que lion mort.
สุนัขที่มีชีวิตมีค่ากว่าสิงโตที่ตายไปแล้ว

Plutôt souffrir que mourir.
มีชีวิตอยู่อย่างมีความทุกข์ดีกว่าตาย

Chose défendue, chose désirée.
ของที่หวงก็ยิ่งเป็นของที่ใครๆ ต้องการ (สิ่งใดที่ห้ามคนก็ยิ่งอยากทำ)

Expérience passe science.
ประสบการณ์มีประโยชน์มากกว่าความรู้ในหนังสือ

Force passe droit.
กำลังย่อมมีอำนาจเหนือกฎหมาย

Il n’est pire eau l’eau qui dort.
น้ำนิ่งไหลลึก (ไม่มีอะไรอันตรายเท่ากับคนซึ่งไม่จริงใจ)

Il n’est prie sourd que celui qui ne peut pas entendre.
เมื่อไม่ต้องการทำอะไรก็แกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ

Il n’est point de feu sans fumée.
ไม่มีไฟที่ปราศจากควัน

Il n’est fumée de feu sans point.
ไม่มีควันโดยปราศจากไฟ

Il n’y a point de roses sans épines.
ไม่มีกุหลาบใดที่ไร้หนาม

Il n’y a que le premier pas qui coûte.
ก้าวแรกเท่านั้นที่ราคาแพงที่สุด

Plus on a, plus on désire avoir.
ยิ่งมีมากก็ยิ่งปรารถนามาก

Les morts ont tort.
คนที่ตายมักจะเป็นคนผิด

Mieux vaut un sage ennemi qu’un sot ami.
มีศัตรูฉลาดดีกว่ามีเพื่อนที่โง่

On n’est jamais trahi que par les siens.
เรามักจะถูกทรยศโดยคนของเราเองเสมอ

Un homme averit en vaut deux.
คนที่ฉลาดรอบคอบมีค่าเท่ากับคนสองคน




Rien ne sèche plus vite qu’une larme.
ไม่มีอะไรที่แห้งเร็วกว่าน้ำตา

Tel qui rire vendredi, dimanche pleurera.
คนที่หัวเราะวันสุข วันอาทิตย์มักจะต้องร้องไห้

Un malheur ne vient jamais seul.
ความทุกข์ไม่เคยมาตามลำพัง

วันพุธที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2556

10 ตำนานลึกลับของอารยธรรมอียิปต์โบราณ


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

         อารยธรรมอียิปต์โบราณ หรือ "ไอยคุปต์" คือหนึ่งในอารยธรรมที่มีความเก่าแก่มากที่สุดอารยธรรมหนึ่งของโลก เป็นอารยธรรมที่เรื่องราวต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย แถมยังเป็นที่ตั้งของสิ่งปลูกสร้างอย่าง "พีระมิด" ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกและการพัฒนาทางการแพทย์อย่างการทำ "มัมมี่" อีกด้วย และนอกจากความยิ่งใหญ่อลังการที่อุดมไปด้วยประวัติอันล้ำค่าต่าง ๆ มากมายแล้วนั้น อารยธรรมอียิปต์โบราณ ยังมีตำนานลึกลับ ๆ ที่น่าสนใจที่บางคนอาจจะยังไม่เคยรับรู้มาก่อนเลยก็ได้

         ทั้งนี้ ทางเว็บไซต์ Listverse.com  ได้รวบรวม 10 ตำนานลึกลับของอารยธรรมอียิปต์โบราณ ไว้ให้ได้เป็นข้อมูลดี ๆ และได้แสดงให้เห็นถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของอียิปต์ในมุมมองที่ยังไม่เคยรับรู้มาก่อน ว่าแล้ว ไปดูกันว่าทั้ง 10 ตำนานนั้นจะมีอะไรกันบ้าง...



1. พระนางคลีโอพัตรา กับรูปโฉมที่แท้จริง

         พระนางคลีโอพัตรา (Cleopatra VII) นับได้ว่าเป็นผู้ปกครองอียิปต์โบราณที่มีชื่อเสียงมากที่สุด ซึ่งในความรู้สึกนึกคิดของคนทั่วไป เธอคือพระราชินีผู้ทรงเสน่ห์ที่สุด มีรูปโฉมที่งดงาม เพียบพร้อมไปด้วยกลเม็ดเด็ดพรายในเชิงพิศวาส สามารถมัดใจชายได้อย่างอยู่หมัด แต่แท้ที่จริงแล้ว เสน่ห์ของพระนางคลีโอพัตราไม่ได้อยู่ที่เนื้อหนังมังสาหรือความงดงามแห่งใบหน้าและเรือนกายเลย แต่อยู่ที่สติปัญญาและความเฉลียวฉลาดรู้เท่าทันคนต่างหาก โดยมีหลักฐานชิ้นหนึ่งที่บ่งบอกถึงความจริงเรื่องนี้ ก็คือการค้นพบรูปปั้นส่วนพระเศียรขององค์ราชินีและเหรียญที่มีภาพพระพักตร์ของพระนาง ซึ่งเป็นการค้นพบของนักโบราณคดีรายหนึ่ง


2. ความเชื่อเกี่ยวกับความตาย

         ชาวอียิปต์โบราณมีความเชื่อที่ว่า เมื่อคนตาย ดวงวิญญาณจากร่างไปเพียงชั่วคราว เพื่อเดินทางไปพบกับพระเจ้าในโลกหน้า แล้วจะกลับมาในวันหนึ่งข้างหน้า ทั้งนี้ เมื่อวิญญาณกลับมาแล้วก็ต้องมีร่างกายอยู่ และร่างที่จะอาศัยอยู่ได้ต้องเป็นร่างกายของตนเองเท่านั้น และด้วยความเชื่อนี้เองจึงทำให้เกิดวิธีการดูแลศพ หรือที่เรารู้จักกันอย่างดีกับการทำ "มัมมี่" (Mummy) เพื่อให้สภาพศพยังอยู่ในสภาพที่ดี ไม่เน่าเปื่อยนั่นเอง


3. การปรากฎตัวของเอเลี่ยน

         ในทุกวันนี้กระแส "เอเลี่ยน" หรือมนุษย์ต่างดาว ก็ยังคงมีให้เห็นอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่คุณรู้หรือไม่ว่า การปรากฎตัวของเอเลี่ยนมีให้เห็นมาแล้วตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณเลยทีเดียว สิ่งหนึ่งที่ยืนยันในเรื่องนี้ ก็มาจากภาพบนฝาผนังภายในสุสานในเมืองกิซ่า โดยหนึ่งในภาพบนฝาผนังนั้นมีการวาดภาพของเอเลี่ยนปะปนอยู่ด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจด้วย เพราะบางทีภาพ ๆ นี้ อาจจะเป็นเพียงแค่รูปของสิ่งของอื่น ๆ ที่มีลักษณะคล้ายกับเอเลี่ยนเท่านั้นเอง


4. ที่สุดแห่งการค้นพบ

         อีกสิ่งหนึ่งที่น้อยคนนักจะนึกถึงและรู้จักเกี่ยวกับประวัติของอิยิปต์โบราณก็คือในเรื่องของการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ เพราะนอกจากมหาพีระมิดต่าง ๆ แล้ว ข้อมูลอันล้ำค่าทางประวัติศาสตร์ที่ค้นพบกันนั้นก็คือ "เรือโซล่าร์" (Solar Boat) หรือเรือแห่งแสงอาทิตย์ที่เชื่อกันว่า จะเป็นพาหนะที่นำพาวิญญาณขององค์กษัตริย์ไปหาเทพเจ้าแห่งแสงอาทิตย์บนสวรรค์ได้ เรือโซล่าร์นี้สร้างขึ้นจากไม้มากกว่า 1,200 ชิ้น สันนิษฐานว่าสร้างตั้งแต่ 2500 ปีก่อนคริสตกาล และอาจจะเป็นเพียงเครื่องบูชาพระศพในสุสาน ไม่ได้นำไปใช้ล่องในแม่น้ำจริง ๆ แต่อย่างใด


5. อักษรภาพอียิปต์โบราณ

         อักษรภาพอียิปต์โบราณหรือที่เรียกกันว่า "ฮีโรกริฟฟิค" (Hieroglyphs) ถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งในความอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ ความชำนาญทางศิลปหัตถกรรม งานช่าง และการทำหนังสือของชาวอียิปต์โบราณถือเป็นสิ่งที่น่าทึ่งมาก ๆ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อของพวกเขาที่มีอำนาจและอิทธิพลต่อพิธีกรรมและการดำรงชีวิตอย่างสูง สำหรับอักษรภาพอียิปต์โบราณนี้ เป็นภาพอักษรที่มักจะสลักเรื่องราวเกี่ยวกับองค์ฟาโรห์ ราชวงศ์ การเมืองการปกครอง และเรื่องราวทางศาสนา ซึ่งจะมีปรากฎให้เห็นอยู่ตามวิหารและสิ่งก่อสร้างทั้งหลาย โดยแต่ละภาพก็จะมีการสื่อความหมายที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งนี่เองจึงทำให้การค้นพบในครั้งแรก ๆ นั้น ก็สร้างความมึนงงให้เหล่านักสำรวจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว


6. การตกแต่งภายในพีระมิด

         นอกจากโครงสร้าง วัสดุ และวิธีการสร้างพีระมิด จะมีความอลังการงานสร้างอย่างยิ่งใหญ่มาก ๆ แล้ว ภายในของปิระมิดเองยังมีการตกแต่งอยู่อย่างสวยงามตามสมัยอีกด้วย สิ่งหนึ่งที่พบได้ภายในพีระมิดนั้นก็คือ เหล่าบรรดาอักษรภาพฮีโรกริฟฟิค อายุอานามกว่า 4,000 ปี ซึ่งช่วยให้พีระมิดที่ค้นพบกันนั้น กลายเป็นสถาปัตยกรรมอันล้ำค่าและมีอายุเก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกใบนี้

7. องค์ฟาโรห์กับการฝังทาสรับใช้

         หลังจากการสิ้นพระชนม์ขององค์ฟาโรห์แล้ว เหล่าบรรดาข้าทาสบริวารของพระองค์ไม่ได้ถูกฆ่าหรือโดนฝังทั้งเป็นในสุสานขององค์ฟาโรห์อย่างที่เคยทราบ ๆ กันแต่อย่างใด เพราะมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ชิ้นหนึ่ง ได้กล่าวไว้ว่า องค์กษัตริย์ฟาโรห์องค์สุดท้ายทรงเล็งเห็นว่า ข้าทาสของพระองค์ยังสามารถทำประโยชน์อื่น ๆ ได้มากกว่าการถูกฆ่าหรือฝังไปอย่างเปล่าประโยชน์ และเพื่อไม่ให้เป็นการขัดต่อประเพณีที่มีการสืบต่อกันมาช้านาน พระองค์จึงทรงรับสั่งให้นำ "ชับติ" (Shabti) หรือรูปแกะสลักที่ทำจากหลากหลายวัสดุ ทั้ง ขี้ผึ้ง ไม้ ดินเหนียว หิน แก้ว ดินเผา และสัมฤทธิ์ โดยทำหน้าที่เหมือนคนรับใช้ลงไปฝังในสุสานแทนชีวิตของคนเป็น ๆ

8. เหล่าทาสคือผู้สร้างพีระมิด

         เป็นที่ถกเถียงกันอยู่พอสมควร กับประเด็นที่ว่าด้วยความยิ่งใหญ่ของพีระมิดประกอบกับความที่เทคโนโลยีและหลักการทางวิศวกรรมต่าง ๆ ในสมัยนั้นยังไม่น่าจะเจริญเท่าที่ควร ใครคือผู้สร้างพีระมิดกันแน่ และใช้วิธีการใดในการขนย้ายก้อนหินที่มีน้ำหนักมาก ๆ ขึ้นที่สูงกันได้ ทั้งนี้ จากหลักฐานของนักประวัติศาสตร์ชาวกรีก ได้ระบุเอาไว้ในช่วงศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสตกาลที่ว่า เหล่าบรรดาช่างฝีมืออียิปต์มากมายนับหมื่นนับแสนคน คือผู้ที่สร้างพีระมิดอันยิ่งใหญ่ตระการตา ไม่ใช่ทาสอย่างที่ในภาพยนตร์ออลลีวู้ดตีความหรือสร้างฉากให้เห็นกันก่อนหน้านี้แต่อย่างใด


9. ชาวอิสราเอลคือทาสของอียิปต์ในยุคนั้น

         สิ่งที่เรา ๆ ท่าน ๆ ได้เคยเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติของอียิปต์นั้น หลัก ๆ ก็คือเรื่องของการสร้างพิระมิด องค์กษัตริย์ฟาโรห์ และอื่น ๆ อีกสารพัด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หลายต่อหลายคนคงจะนึกกันไปว่า ทาสรับใช้คงจะเป็นชาวอียิปต์กันแน่ ๆ แต่แท้ที่จริงแล้ว เหล่าทาสรับใช้ต่างเป็นชาว "ฮิบรู" (Hebrew) หรือชาวอิสราเอลในปัจจุบันนั่นเอง ซึ่งจากคำกล่าวในคัมภีร์ไบเบิลนั้น ได้ระบุไว้ว่า ชาวฮิบรูได้ตกเป็นทาสของอียิปต์นับตั้งแต่ที่องค์กษัตริย์ทำการยึดดินแดนและอาณาจักรต่าง ๆ เข้ารวมกันเป็นอารยธรรมอียิปต์ ซึ่งนั้นทำให้ชาวฮิบรูต้องมีสถานะเป็นทาส และเป็นเบี้ยล่างให้กับอียิปต์ไปโดยปริยาย


10. คำสาปแช่งขององค์ฟาโรห์

         เป็นที่เล่าลือกันว่า ผู้ใดก็ตามที่มาเปิดหลุมฟังพระศพขององค์ฟาโรห์ตุตันคามุน (Pharaoh Tutankhamun) จะต้องคำสาปที่นักบวชไอยคุปต์บรรจงสลักไว้ภายในสุสาน ซึ่งจะส่งผลให้เกิดอาถรรพ์การเสียชีวิตอย่างน่าพิศวงขึ้น เหมือนอย่างเช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ "ลอร์ด คาร์นาร์วอน" (Lord Carnarvon) กับคณะสำรวจของ "โฮเวิร์ด คาร์เตอร์" (Howard Carter) ที่เขาได้ว่าจ้างให้ทำการสำรวจค้นหาสุสานฟาโรห์ตุตันคามุน ซึ่งผลสุดท้ายแล้ว ทั้งหมดเสียชีวิตไปโดยที่แพทย์ไม่สามารถวินิจฉัยอาการได้เลย

7 เคล็ดลับเพิ่มความสูงให้กับตัวเอง

7 เคล็ดลับเพิ่มความสูงให้กับตัวเอง




วิธีทำให้สูง

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          ไม่ว่าใครก็คงอยากสูงกันทั้งนั้น เพราะช่วยทำให้ดูมีบุคลิกภาพดีขึ้น ใส่อะไรก็ดูดีไปซะหมด แถมยังสะดวกคล่องตัวกว่าคนรูปร่างเล็กเป็นไหน ๆ แต่ใช่ว่าทุกคนจะมีส่วนสูงที่อยากได้อย่างใจเสมอไป บางคนอาจเกิดมาตัวเล็กกว่าใคร ๆ จนคิดจะไปผ่าตัดศัลยกรรมเพื่อเพิ่มส่วนสูงของตัวเองด้วยซ้ำ

          แต่ก่อนที่จะทำลองคิดดูดี ๆ เสียก่อน ลองอ่านเคล็ดลับเพิ่มความสูงที่กระปุกดอทคอมนำมาเสนอกันดู หากพยายามอย่างถูกวิธี ไม่แน่ว่าคุณอาจสูงขึ้น จนไม่ต้องพึ่งวิธีผ่าตัดที่ทั้งแพงแถมยังเจ็บตัวเลยก็ได้ 

1. เลือกกินอาหารที่มีประโยชน์

          ควรเน้นทานอาหารที่มีสารอาหารจำพวก วิตามิน แร่ธาตุ โปรตีน และน้ำให้มาก ๆ เพราะวิตามินหลาย ๆ ชนิดมีส่วนช่วยในการเติบโต เช่น วิตามินเอ วิตามินบี 12 และ วิตามินดี เป็นต้น ส่วนแร่ธาตุต่าง ๆ อย่างแคลเซียมและฟลูออไรด์ก็ช่วยให้กระดูกของคุณแข็งแรงขึ้น ไม่เปราะหักง่าย

          นอกจากนี้ สารอาหารที่สำคัญที่สุดที่จะขาดไม่ได้ในแต่ละมื้อคือโปรตีน เพราะเป็นสารอาหารหลักที่ช่วยในการเติบโต โดยสารอาหารจำพวกนี้สามารถหาได้จากนมและไข่ สุดท้ายคือน้ำ ที่จะช่วยให้เราขับของเสียออกจากร่างกายเพื่อรับสารอาหารใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น เพราะฉะนั้นเราจึงควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 6 ถึง 8 แก้วเพื่อสุขภาพที่ดีของตัวเอง

2. ทานอาหารให้พอดี

          ถ้าคุณอยากให้ส่วนสูงของตัวเองเพิ่มขึ้น ควรทานอาหารในปริมาณพอเหมาะ ถึงแม้ว่าคุณจะไดเอทอยู่ก็ไม่ควรลดปริมาณอาหารลง ควรลดอาหารจำพวกแป้งและไขมันให้น้อยลง แล้วทานอาหารอาหารอื่นเพิ่มแทน นอกจากนี้ควรออกกำลังกายควบคู่ไปด้วยจะได้ช่วยในการไดเอทของคุณ และการยืดเส้นยืดสายก็ช่วยทำให้คุณสูงขึ้นด้วย

3. ทานให้ตรงเวลา

          ควรเลือกทานเป็นมื้อแทนการกินขนมจุบจิบระหว่างวัน และแต่ละมื้อก็ควรจะห่างกัน 4 - 5 ชั่วโมง เพื่อให้เวลาร่างกายเริ่มการสร้างเนื้อเยื่อที่ช่วยในการเจริญเติบโต นอกจากนี้ยังไม่นานเกินไปจนทำให้คุณรู้สึกหิวระหว่างมื้ออีกด้วย

4. พยายามยืดตัวบ่อย ๆ

          การยืดตัวสามารถช่วยให้คุณสูงขึ้นได้ คุณควรพยายามยืดตัววันละสองครั้งตอนตื่นนอนและก่อนเข้านอน ด้วยวิธีง่าย ๆ คือเมื่อตื่นแล้วก็อย่าเพิ่งลุกจากเตียง ให้ชูแขนทั้งสองข้างขื้นและยืดทั้งขาและแขนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้จึงค่อยลุก เพื่อเป็นการบิดขี้เกียจไปในตัว และอย่าลืมทำแบบเดียวกันก่อนจะเข้านอนทุกวัน

วิธีทำให้สูง

5. ออกกำลังกายด้วย

          กีฬาเช่นว่ายน้ำ และบาสเกตบอล นอกจากจะสนุกแล้วยังสามารถช่วยทำให้คุณสูงขึ้นได้ แต่ถ้าใครเป็นคนไม่ชอบเล่นกีฬาแต่อยากให้ส่วนสูงเพิ่มขึ้นสักนิด คุณก็สามารถทำได้ด้วยวิธีการง่าย ๆ ดังนี้ เริ่มแรกเอามือทั้งสองข้างอ้อมไปไว้ด้านหลังศรีษะ แล้วประสานมือเอานิ้วไขว้กัน วางไว้ที่หลังคอของตัวเอง จากนั้นก็ดันคอของคุณลงมาจนคางชิดกับอก ทำแบบนี้วันละ 20 ครั้ง ทำ 10 ครั้งแรก แล้วพักสัก 10 วินาที จึงค่อยทำอีก 10 ครั้ง

6. นอนให้ถูกวิธี

          ควรพักผ่อนอย่างน้อยวันละ 8 - 10 ชั่วโมง เพราะฮอร์โมนที่มีส่วนช่วยให้เราสูงขึ้นจะถูกผลิตออกมาในเวลาที่เราหลับสนิทเท่านั้น นอกจากนี้เวลานอนควรเลี่ยงการนอนงอตัว เพราะจะทำให้กระดูกสันหลังคดงอ ร่างกายเติบโตได้ไม่เต็มที่ คนที่ติดหมอนข้างก็ควรพยายามเลิกซะ และพยายามเปลี่ยนมานอนหงายแทน เพราะท่าที่เราใช้ในการนอนกอดหมอนข้างนั้นทำให้ขาพาดไปมาจนกระดูกโตได้ไม่เต็มที่

7. ยืนตัวตรง ๆ

          การเดินหลังค่อมหรือยืนหลังงอเป็นประจำจะทำให้กระดูกคดงอผิดรูปร่าง ทำให้กระดูกไม่โต แถมยังทำให้เสียบุคลิกภาพ ดูเตี้ยลง อ้วนขึ้น แล้วยังดูขาดความั่นใจอีกด้วย นอกจากนี้ พอแก่ตัวไปกระดูกของคุณอาจคดจนไม่สามารถกลับมายืนตัวตรงได้อีก เพราะฉะนั้นพยายามฝืนตัวเองให้ยืนตรงบ่อย ๆ จนชิน เพื่อบุคลิกภาพที่ดี และส่วนสูงที่เพิ่มขึ้น

          ใครอยากสูงก็ลองไปทำตามคำแนะนำที่ให้นี้ดู อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าปัจจัยเรื่องส่วนสูงยังมีอีกมากที่ทำให้แต่ละคนสูงไม่เท่ากัน ทั้งพันธุกรรมและอายุ เพราะฉะนั้นควรพยายามเท่าที่ทำได้โดยไม่ฝืนตัวเองจนเกินไปนะคะ

สุภาษิต - คำพังเพยภาษาฝรั่งเศส [ตอน II]

A chaque jour suffi sa peine.
ทุกข์ของวันนี้ก็พอแล้วสำหรับวันนี้

Chacun est le fils de ses œuvres.
แต่ละคนจะเป็นผลของผลงานของตน

Charité bien ordonnée commence par soi-même.
ความเมตตามักจะเริ่มต้นจากตัวเอง

Connais-toi toi-même.
จงพยายามรู้จักตนเอง

Il faut apprendre à obéir pour savoir commander.
ต้องหันที่จะเชื่อฟัง เพื่อที่จะสั่งเป็น

Il faut battre le fer pendant qu’il est chaud.
ต้องตีเหล็กขณะที่มันร้อนอยู่

Il faut semer pour cueillir.
ต้องหว่านเพื่อที่จะได้เก็บ

La main qui donne est au dessus de celle qui reçoit.
มือที่ให้ย่อมอยู่เหนือมือที่รับ (เป็นคนให้ย่อมดีกว่าเป็นคนรับ)

La patience vient à bout de tout.
ความอดทนทำให้ทำทุกอย่างได้

L’argent est un bon serviteur et un mauvais maître.
เงินเป็นคนรับใช้ที่ดีและเป็นนายที่เลว

Le mieux est l’ennemi du bien.
คำว่า “ดีกว่า” เป็นศัตรูของคำว่า “ดี”

Qui se repent, est presque innocent.
คนผิดที่สำนึกบาป ก็เกือบจะบริสุทธิ์แล้ว

Qui se fait brebis, le loup le mange.
คนที่ทำตัวเป็นลูกแกะ หมาป่าก็ต้องกิน

Trop de bonté devient faiblesse.
ดีเกินไปกลายเป็นคนอ่อนแอ

Qui n’a rien, ne craint rien.
คนที่ไม่มีอะไรเลย ไม่กลัวอะไรเลย

Il est aisé de dire, mais moins aisé de faire
ง่ายที่จะพูดแต่ยากที่จะทำ

Qui s’excuse, s’accuse.
คนที่แก้ตัวเท่ากับยอมรับว่าผิด

L’épée des femmes, c’est leur langue.
ดาบของผู้หญิงคือลิ้นของเธอนั่นเอง

Toute médaille a son revers.
เหรียญทุกอันย่อมมีอีกด้านเสมอ

Les hommes ne se mesurent pas à l’aune.
มนุษย์วัดไม่ได้ด้วยมาตราใดๆ ทั้งสิ้น

La vraie noblesse est celle du cœur.
การเป็นผู้ดีที่แท้จริงอยู่ที่หัวใจ

Pardonne à tous, mais non à toi.
จงยกทาให้กับทุกคน แต่อย่ายกโทษให้ตัวเอง

Ecris comme les habiles et parle comme tout le monde.
จงเขียนเหมือนคนฉลาด แต่จงพูดเหมือนคนทั่วๆ ไป

Pense deux fois avant de parler. Tu en parleras deux fois mieux.
จงคิดสองครั้งก่อนพูด แล้วคุณจะพูดดีเป็นสองเท่า

Pas à pas, on va loin.
ก้าวไปทีละก้าวเราจะไปได้ไกล

30 คำคมสร้างแรงบันดาลใจให้ชีวิต


30 คำคมสร้างแรงบันดาลใจให้ชีวิต

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก kushandwizdom.tumblr.com
          สำหรับใครที่ชอบอ่านคำคมโดน ๆ เพื่อเป็นสาระดี ๆ และกำลังใจให้กับชีวิต วันนี้กระปุกดอทคอมได้รวบรวมคำคมเด็ด ๆ พร้อมรูปภาพสวย ๆ จากเว็บไซต์ kushandwizdom.tumblr.com มาฝาก เพื่อเอาใจคุณโดยเฉพาะ ซึ่งแต่ละอันนั้นมีคำคมซึ้ง ๆ พร้อมรูปภาพสวย ๆ ไม่แพ้กันเลย รับรองได้ว่าอ่านแล้วจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตได้อีกมาก ว่าแล้วก็ลองไปอ่านกันดูเลยค่ะ


30 คำคมสร้างแรงบันดาลใจให้ชีวิต
Happiness is an attitude.
We either makes ourselves miserable or happy and strong.
It is your choice.

ความสุขเป็นเพียงทัศนคติหนึ่ง
เราจะทำชีวิตให้เศร้า สุข หรือเข้มแข็ง
ขึ้นอยู่กับเราเลือกที่จะเป็น


30 คำคมสร้างแรงบันดาลใจให้ชีวิต

You can't make someone else's choices 
so you shouldn't let someone else make yours.
Follow your heart.

เราไม่อาจตัดสินใจแทนคนอื่นได้
เราจึงไม่ควรปล่อยให้คนอื่นมาตัดสินใจแทนเราเช่นกัน
เพราะฉะนั้น จงทำตามหัวใจเรียกร้องเถอะ


30 คำคมสร้างแรงบันดาลใจให้ชีวิต

The most successful people in the world
Have made many mistakes 
And experienced far more failure than the rest.

คนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก
คือคนที่พบเจอความผิดพลาดและความล้มเหลวมามากกว่าคนอื่น


30 คำคมสร้างแรงบันดาลใจให้ชีวิต

You must lose your fear of being wrong
In order to live a creative life.

คุณต้องละทิ้งความกลัวที่จะผิดพลาด
เพื่อจะได้ใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์


30 คำคมสร้างแรงบันดาลใจให้ชีวิต

Do not allow what you cannot do,
Interfere with what you can do.
You can reach your dreams faster
Doing things you're good at.

อย่าปล่อยให้สิ่งที่คุณทำไม่ได้
มาเป็นอุปสรรคในการทำสิ่งที่คุณทำได้
คุณสามารถเอื้อมคว้าความฝันให้เร็วขึ้นได้
หากเลือกทำในสิ่งที่คุณรัก


30 คำคมสร้างแรงบันดาลใจให้ชีวิต

If someone seeks advice,
Give them direction, not correction.
Do not force your opinions on others.
Steer them to make their own decisions.

หากมีคนมาขอคำปรึกษา
จงแนะแนวทางแก่เขา ไม่ใช่เข้าไปแก้ปัญหาให้เขา
อย่าบังคับคนอื่นให้คิดเหมือนกับเรา
แค่แนะนำให้เขาได้ตัดสินใจด้วยตัวเองก็พอ


30 คำคมสร้างแรงบันดาลใจให้ชีวิต

Break free from negative people
Because negativity has a way of passing
From person to person
And they will drag you down with them.

พยายามออกห่างจากคนมองโลกในแง่ร้าย
เพราะการมองโลกในแง่ร้ายนั้นสามารถติดต่อกันได้
และมันจะทำให้คุณตกต่ำลงไปด้วย


30 คำคมสร้างแรงบันดาลใจให้ชีวิต

Never miss the opportunity to follow your dreams.
Older people who are unhappy with life
Are those with regrets.

อย่าปล่อยโอกาสที่จะทำตามฝันหลุดลอยไป
เพราะเมื่อเวลาผ่านไป คุณอาจต้องอยู่กับชีวิตบั้นปลายที่ไร้ความสุข
จากการเสียดายโอกาสที่ผ่านไปแล้วและไม่มีวันหวนกลับมาอีก


30 คำคมสร้างแรงบันดาลใจให้ชีวิต

Living a false life will only lead to distress and worries.
Be yourself, everyone is already taken.

การใช้ชีวิตแบบผิด ๆ มีแต่จะนำมาซึ่งความเศร้าโศกและความเครียด
ดังนั้นจงกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง 


30 คำคมสร้างแรงบันดาลใจให้ชีวิต

Don't take other people's criticism to heart.
Instead, Listen to what they are saying
And learn from it.

อย่าเก็บคำวิจารณ์ของคนอื่นมาใส่ใจ
แต่จงรับฟังและใช้มันพัฒนาตัวเองดีกว่า


30 คำคมสร้างแรงบันดาลใจให้ชีวิต

Look for the positive in those around you and point them out.
Positive attracts positive.

จงมองหาข้อดีจากผู้คนรอบข้าง
เพื่อให้คุณได้เรียนรู้สิ่งดี ๆ จากพวกเขา


30 คำคมสร้างแรงบันดาลใจให้ชีวิต

Never compare yourself or others to other people.
Everyone has their own struggles, own fights, 
And a different path that they chose to get to where they are.
Everyone is who they are for a reason.

อย่าเปรียบเทียบตัวเองหรือคนอื่นกับใคร ๆ
เราทุกคนต่างก็เคยผ่านอุปสรรคและความยากลำบากมาต่างกัน
และมีทางเดินของใครของมันที่แตกต่าง
เราทุกคนจึงมีเหตุผลที่จะมีตัวตนที่แตกต่างกันไป


30 คำคมสร้างแรงบันดาลใจให้ชีวิต

Sometimes hurt is needed to make us grow,
Failure is needed to make us know 
And loss is needed to make us gain.
Because life's greatest lessons are
Usually taught through a little bit of pain.

บางครั้งคนเราก็จำเป็นต้องเจ็บปวด เพื่อให้เราเติบโตขึ้น
จำเป็นต้องผิดพลาด เพื่อให้เราได้เรียนรู้
จำเป็นต้องล้มเหลว เพื่อแลกกับประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่
เพราะบทเรียนที่มีค่าที่สุดในชีวิต
คือบทเรียนที่แลกมาด้วยความเจ็บปวด


30 คำคมสร้างแรงบันดาลใจให้ชีวิต

Sometimes you wish you could just fast forward the time
Just to the see if in the end
It's all worth it.

บางครั้งเราก็อยากให้เวลาผ่านไปเร็ว ๆ
เพื่อจะได้รู้ว่าที่เราพยายามเพื่ออนาคตนั้น
มันคุ้มค่าหรือไม่


30 คำคมสร้างแรงบันดาลใจให้ชีวิต

People can't love and appreciate others,
If they cannot love and appreciate themselves.

คนเราไม่อาจรักและเห็นคุณค่าของใครได้
หากยังไม่รู้จักรักและเห็นคุณค่าของตัวเอง


30 คำคมสร้างแรงบันดาลใจให้ชีวิต

People grow through experience
If they meet life honestly and courageously.
This is how character is built.

คนเราเติบโตขึ้นได้จากประสบการณ์
หากเราเลือกที่จะเผชิญชีวิตอย่างซื่อสัตย์และกล้าหาญ
และนั่นคือสิ่งที่หล่อหลอมให้เราเป็นเราอย่างทุกวันนี้


30 คำคมสร้างแรงบันดาลใจให้ชีวิต

Never give up on something you really want.
However impossible things my seem,
There's always a way.

อย่ายอมแพ้ที่จะทำตามฝัน
แม้ว่ามันดูยากเกินจะเป็นความจริงได้
จำไว้เถอะว่า ทุกอย่างมีหนทางและความเป็นไปได้ด้วยกันทั้งนั้น


30 คำคมสร้างแรงบันดาลใจให้ชีวิต

If people have something to say about your life,
That's saying little about their own.
Keep your head up, 
Stay strong and move on.

หากมีใครวิพากษ์วิจารณ์ชีวิตของคุณ
และพูดถึงชีวิตตัวเองเพียงน้อยนิด
ก็อย่าได้ใส่ใจคำพูดเหล่านั้นเลย
จงเข้มแข็ง และก้าวต่อไปเถอะ


30 คำคมสร้างแรงบันดาลใจให้ชีวิต

You're young, but the years fly and soon,
You'll be wondering what would have happened
If you would have spoken 
What was inside your heart.

คุณอาจยังเด็ก แต่เมื่อเวลาผ่านไปเร็วเหมือนติดปีกบิน
สักวันหนึ่งคุณจะมองย้อนกลับมาและถามตัวเองว่า
ชีวิตจะเป็นอย่างไร หากในอดีตคุณเลือกพูดอย่างที่ใจคิด


30 คำคมสร้างแรงบันดาลใจให้ชีวิต

You can get everything in life you want
If you just help enough other people get what they want.

คุณสามารถได้ทุกอย่างในชีวิตที่คุณต้องการ
หากคุณช่วยเหลือคนอื่นให้ได้ในสิ่งที่เขาต้องการเช่นกัน


30 คำคมสร้างแรงบันดาลใจให้ชีวิต

Good things can come
From unexpected places.

บางครั้งสิ่งดี ๆ ก็อาจมาจากที่ซึ่งคุณคาดไม่ถึง


30 คำคมสร้างแรงบันดาลใจให้ชีวิต

The tragedy in life doesn't lie in not reaching your goal.
The tragedy lies in not having a goal to reach.

เรื่องเศร้าในชีวิตไม่ใช่การที่เราไปไม่ถึงฝัน
แต่เป็นการที่เราอยู่โดยไม่มีความฝันต่างหาก


30 คำคมสร้างแรงบันดาลใจให้ชีวิต

People are always going to talk behind your back.
Get over the fact that you're not going to please everyone
And recognize the ones you do.

ผู้คนมักจะนินทาคุณลับหลังเสมอ
แต่จงยอมรับความจริงเถอะว่า เราไม่อาจทำให้คนทุกคนรักเราได้
จงใส่ใจคนที่คุณรักดีกว่า


30 คำคมสร้างแรงบันดาลใจให้ชีวิต

Never underestimate someones ability to find out the truth.

อย่าดูถูกความสามารถในการค้นหาความจริงของผู้อื่น


30 คำคมสร้างแรงบันดาลใจให้ชีวิต

You might meet a hundred acquaintances
Just to find a few special friend.

คุณอาจต้องทำความรู้จักกับผู้คนนับร้อย
กว่าจะได้พบเพื่อนแท้เพียงไม่กี่คน


30 คำคมสร้างแรงบันดาลใจให้ชีวิต

You are in control of your destiny,
Only you can make your dreams come true.

คุณเป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตของตัวเอง
มีเพียงคุณเท่านั้น ที่จะทำให้ความฝันของตัวเองเป็นจริง


30 คำคมสร้างแรงบันดาลใจให้ชีวิต

As humans we tend to worry 
About things we cannot change
And affect everyone around us
With our negativity.

เรามักจะกังวลกับสิ่งที่เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อยู่เสมอ
และการมองโลกในแง่ร้ายของเรานั้น 
ก็จะส่งผลกระทบต่อคนรอบข้างไปด้วย


30 คำคมสร้างแรงบันดาลใจให้ชีวิต

Never take for granted 
All the things you have today
And most of all,
Enjoy what you have everyday.

อย่าทำให้วันของคุณสูญเปล่า
จงมีความสุขกับสิ่งที่คุณมีในทุก ๆ วัน


30 คำคมสร้างแรงบันดาลใจให้ชีวิต

Experience tells you what to do;
Confidence allows you to do it.

ประสบการณ์จะทำให้คุณรู้ว่าคุณควรทำอะไร
แต่ความมั่นใจจะทำให้คุณกล้าลงมือทำ


30 คำคมสร้างแรงบันดาลใจให้ชีวิต

People only get jealous
When they care.

คนเราจะรู้สึกอิจฉา
ก็ต่อเมื่อเราใส่ใจใครคนนั้นจริง ๆ เท่านั้น